สีของ สายไฟ มีความหมายอย่างไรบ้างนะ… ???
หลายคนอาจสงสัยว่า สายไฟแต่ละสีมีความหมายหรือไม่อย่างไร บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเหล่านี้ให้หมดไป ด้วยความหมายของแต่ละสีของสายไฟ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
สีดำ (เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล) หมายถึง ลวดความร้อน หรือลวดที่มีกระแสไฟฟ้าและนำพลังงานไปสู่วงจรทั้งหมด ส่วนใหญ่จะจ่ายไฟไปยังเต้าเสียบหรือสวิตซ์ไฟฟ้า
สีแดง (เปลี่ยนเป็นสีดำ) หมายถึง ลวดความร้อนสายที่สองสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น แอร์, เตาอบ , โทรทัศน์ เป็นต้น
สีน้ำเงิน และ สีเหลือง (เปลี่ยนเป็นสีเทา) หมายถึง ลวดความร้อน ใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าเคลื่อนที่ ที่ใช้ปลั๊กทั่วไป เช่นพัดลม โคมไฟ เครื่องดูดฝุ่นเป็นต้น
สีขาว หรือ สีเทา (เปลี่ยนเป็นสีฟ้า) หมายถึง สายกลางที่จำเป็นสำหรับความปลอดภัยของเครื่องใช้ไฟฟ้า
สีเขียว หมายถึง สายดิน ช่วยป้องกันการเกินไฟฟ้าช็อตได้ ช่วยป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้
สีของ สายไฟ ตามมาตรฐาน ของประเทศไทยสามารถจำแนกสีได้ดังนี้
จากเดิม
- L1 – สีดำ
- L2 – สีแดง
- L3 – สีฟ้า
- N – สีขาว/เทา
- G – สีเขียวแถบเหลือง
เปลี่ยนใหม่
- L1 – สีน้ำตาล
- L2 – สีดำ
- L3 – สีเทา
- N – สีฟ้า
- G – สีเขียวแถบเหลือง
ซึ่งระบบ 1 เฟสและ 3 เฟส จะมีสีสายไฟแตกต่างกันตามนี้
ระบบ 1 เฟส
- สายเฟส (L) ฉนวนเป็น สีน้ำตาล
- สายนิวทรัล (N) ฉนวนเป็น สีฟ้า
- สายดิน (G) ฉนวนเป็น สีเขียวแถบเหลือง
ระบบ 3 เฟส
- สายเฟส (L1) ฉนวนเป็น สีน้ำตาล
- สายเฟส (L2) ฉนวนเป็น สีดำ
- สายเฟส(L3) ฉนวนเป็น สีเทา
- สายนิวทรัล (N) ฉนวนเป็น สีฟ้า
- สายดิน (G) ฉนวนเป็น สีเขียวแถบเหลือง
*ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจากเว็บไซต์บ้านและสวน
จะเห็นได้ว่าสายไฟมีคุณลักษณะหลากหลายประเภท ดังนั้นการจะจำแนกแยะแยะสายไฟแต่ละประเภท ไม่วาจะเป็น สาย THW / สาย VCT / สาย CV หรือสายอื่นๆ จะแยกเป็นสี เพื่อทำให้ง่ายต่อการทำงานและมีความปลอดภัยสูงยิ่งกว่าการทำสัญลักษณ์ในรูปแบบอื่นๆ หากคุณต้องการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ควรให้ช่างหรือผู้เชี่ยวชาญระบบไฟฟ้าช่วยดูแลจะปลอดภัยมากกว่า