การเลือกใช้และติดตั้ง สายไฟในบ้านอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวและน่าปวดหัวสำหรับหลายๆคน แต่จริงๆแล้วมันคือหัวใจสำคัญของบ้านที่ปลอดภัยและใช้งานได้สบายๆครับ หลายครั้งที่เจ้าของบ้านอย่างเราๆ อาจมี คำถามสายไฟ คาใจ ตั้งแต่จะซื้อแบบไหนดี ไปจนถึงทำไมปลั๊กไฟถึงร้อน บทความนี้ พูนสิน เคเบิล จะมาช่วยไขข้อสงสัยให้คุณเข้าใจเรื่องสายไฟได้ง่ายกว่าที่เคย

ทำไมเจ้าของบ้านอย่างเราต้องรู้เรื่องสายไฟ?
ระบบไฟฟ้าในบ้านซับซ้อนกว่าที่เราเห็น ถ้าเราไม่มีความรู้พื้นฐาน การ เลือกสายไฟ ที่ไม่ถูกต้อง หรือ การเดินสายไฟในบ้าน แบบผิดๆ อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นไฟดับบ่อย ไฟฟ้าลัดวงจร หรือที่น่ากลัวที่สุดคือไฟไหม้ การรู้เรื่อง ประเภทสายไฟ จึงไม่ใช่เรื่องของช่าง แต่เป็นเรื่องของเจ้าของบ้านทุกคนครับ
คำถามสายไฟยอดฮิตที่เจ้าของบ้านต้องรู้!
- สายไฟในบ้านมีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบเอาไว้ทำอะไร?
- ควรเลือกขนาดสายไฟอย่างไรให้เหมาะสม?
- มาตรฐาน มอก. ของสายไฟคืออะไร สำคัญแค่ไหน?
- การเดินสายไฟในบ้านมีกี่วิธี และควรเลือกแบบไหน?
- ควรเปลี่ยนสายไฟในบ้านเมื่อไหร่ และสัญญาณเตือนมีอะไรบ้าง?
- การดูแลรักษาสายไฟในบ้านทำอย่างไร?

1. สายไฟในบ้านมีกี่แบบ แล้วแต่ละแบบเอาไว้ทำอะไร?
รูปแบบการใช้งานที่ต่างกัน เช่น ใช้ภายในอาคาร ใช้ภายนอกอาคาร จึงจำเป็นต้องเลือกใช้สายไฟที่เหมาะสมของแต่ละงาน ดังนั้น ประเภทสายไฟ จึงมีหลากหลายแบบ แต่สำหรับบ้านทั่วไปที่ควรรู้จักมีหลักๆ 2 แบบครับ
- สายไฟ THW: ลองนึกถึงสายไฟที่มีแกนเดี่ยวๆ หุ้มด้วยพลาสติก (PVC) ทนทานครับ สายชนิดนี้เหมาะสำหรับงานเดินในท่อร้อยสายไฟตามผนัง หรือเดินลอยในอากาศ เพราะมีฉนวนหุ้มแค่ชั้นเดียว
- สายไฟ VAF: คือสายไฟแบบแบนที่เราคุ้นตากัน มีทั้งแบบ 2 เส้นและ 3 เส้นในเส้นเดียว สายชนิดนี้มีฉนวนหุ้ม 2 ชั้น จึงค่อนข้างทนทานและปลอดภัย นิยมใช้เดินบนผนังโดยใช้กิ๊บตอกครับ
ดังนั้นการรู้ว่า ประเภทสายไฟ แต่ละแบบใช้กับงานอะไร จะช่วยให้คุณ เลือกสายไฟ ได้ถูกกับงาน และปลอดภัยมากขึ้น
2. ควรเลือกขนาดสายไฟอย่างไรให้เหมาะสม?
ขนาดของ สายไฟ มีผลโดยตรงต่อความสามารถในการรองรับกระแสไฟฟ้า หากเลือกขนาดเล็กเกินไปอาจทำให้สายไฟร้อนจัดและเป็นอันตรายได้ การ เลือกสายไฟ ให้เหมาะสมจึงต้องพิจารณาจาก
- กระแสไฟฟ้าของอุปกรณ์: เครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดใช้พลังงานไม่เท่ากัน อุปกรณ์ที่กินไฟเยอะๆ อย่างแอร์หรือเครื่องทำน้ำอุ่น ก็ต้องใช้สายไฟที่ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
- ระยะทาง: ถ้าต้องลากสายไฟจากจุด A ไปจุด B เป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล อาจจะต้องใช้สายไฟที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานในสาย
- วิธีการเดินสาย: การร้อยสายไฟในท่อจะทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่ากับการเดินแบบเปิดโล่ง การ เลือกสายไฟ สำหรับการเดินในท่อจึงต้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย
หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาช่างไฟดีที่สุดครับ เพื่อให้ช่างคำนวณขนาดที่ถูกต้องกับการใช้งานจริง
3. มาตรฐาน มอก. ของสายไฟคืออะไร สำคัญแค่ไหน?
สายไฟ ทุกเส้นที่ขายในประเทศไทยต้องผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. นี่คือเครื่องหมายรับรองว่าสายไฟเส้นนี้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และปลอดภัยหายห่วงครับ ลองสังเกตที่ฉลากสินค้า จะมีสัญลักษณ์ มอก. ติดอยู่เสมอ ถ้าไม่มีเครื่องหมายนี้ อย่าเสี่ยงซื้อมาใช้เด็ดขาด การเลือกสายไฟที่ได้มาตรฐาน มอก. อย่าง สายไฟยาซากิ จากตัวแทนจำหน่ายโดยตรงอย่าง บริษัท พูนสิน เคเบิล จำกัด จะช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด
4. การเดินสายไฟในบ้านมีกี่วิธี และควรเลือกแบบไหน?
การเดินสายไฟในบ้าน มีหลายวิธีครับ แต่ที่นิยมทำกันมี 3 แบบหลักๆ ครับ
- ร้อยท่อ: เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะสายไฟจะอยู่ในท่อพลาสติกหรือโลหะอีกที ป้องกันสายไฟจากแรงกระแทกหรือหนูกัดได้ดี ซึ่งนิยมใช้กับ สายไฟ THW
- ตีกิ๊บ: เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและเร็วที่สุด สายไฟจะถูกยึดติดกับผนังโดยใช้กิ๊บตอก นิยมใช้กับ สายไฟ VAF แต่ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะโดนของแข็งกระแทก
ฝังผนัง: วิธีนี้ดูสวยที่สุดเพราะจะซ่อนสายไฟไว้ในผนังทั้งหมดครับ โดยจะใช้ท่อร้อยสายไฟช่วยอีกชั้น เพื่อความปลอดภัยและง่ายต่อการซ่อมบำรุงในอนาคต
5. ควรเปลี่ยนสายไฟในบ้านเมื่อไหร่ แล้วมีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง?
สายไฟ ก็เหมือนกับของใช้ทั่วไปที่มีอายุการใช้งานครับ โดยทั่วไปแล้วบ้านที่มีอายุเกิน 15-20 ปี ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบระบบสายไฟให้ หรือลองสังเกตสัญญาณเตือนเหล่านี้ครับ:
- สายไฟกรอบหรือฉีกขาด: สภาพสายไฟดูเก่า แห้ง และแตกเป็นรอย
- มีกลิ่นไหม้: ได้กลิ่นเหมือนพลาสติกไหม้จากเต้ารับหรือปลั๊กไฟ
- เบรกเกอร์ตัดบ่อย: ไฟดับบ่อยๆ โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
ถ้าเจอสัญญาณเหล่านี้ อย่าลังเลที่จะเรียกช่างไฟมาตรวจสอบโดยด่วนครับ
6. การดูแลรักษาสายไฟในบ้านทำอย่างไร?
การดูแลรักษาสายไฟให้มีอายุการใช้งานยาวนานและปลอดภัย สามารถเริ่มต้นจากตัวเราเองได้เลย
- ไม่ใช้ปลั๊กพ่วงเกินกำลัง: อย่าเสียบปลั๊กพ่วงหลายตัวเข้าด้วยกัน หรือใช้ปลั๊กพ่วงกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงอย่างเครื่องทำน้ำอุ่นหรือไมโครเวฟ เพราะอาจทำให้สายไฟร้อนและละลายได้
- หลีกเลี่ยงการดึงสายไฟแรงๆ: เวลาถอดปลั๊ก ควรจับที่ตัวปลั๊ก ไม่ใช่ดึงที่สายไฟ เพราะจะทำให้สายไฟด้านในขาดหรือหักงอได้
- ตรวจสอบสภาพสายไฟเป็นประจำ: ลองสังเกตสายไฟของอุปกรณ์ต่างๆ ว่ามีรอยฉีกขาดหรือเปลือกหุ้มละลายหรือไม่ หากพบความผิดปกติ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
การดูแลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยให้ระบบไฟฟ้าในบ้านของคุณปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนานความปลอดภัยในบ้านเริ่มต้นจากสิ่งที่เราเลือก
ความปลอดภัยในบ้านเริ่มต้นจากสิ่งที่เราเลือก
หวังว่า คำถามสายไฟ ที่เรานำมาไขข้อข้องใจให้ในวันนี้ จะทำให้เจ้าของบ้านทุกท่านเข้าใจเรื่อง สายไฟ ได้ง่ายและลึกซึ้งยิ่งขึ้นนะครับ หัวใจสำคัญของการมีระบบไฟฟ้าที่ปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนาน ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากเลย เพียงแค่เริ่มต้นจากการ เลือกสายไฟ ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานอย่าง สายไฟยาซากิ ที่ทาง พูนสิน เคเบิล จัดจำหน่าย และที่สำคัญคือการติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญการที่ไว้ใจได้ เพราะการตัดสินใจที่ถูกต้องเพียงครั้งเดียว จะช่วยให้บ้านและคนที่คุณรักปลอดภัยจากอันตรายที่มองไม่เห็นได้อย่างแท้จริงครับ
